Tag Archives: การผลิตไวน์

ประเทศไทย: อนาคตผู้ผลิตไวน์อันดับ 1?

ประเทศไทยซึ่งเป็นที่รู้จักในด้านวัฒนธรรมที่มีชีวิตชีวา ทิวทัศน์อันน่าทึ่ง และฉากการทำอาหารที่มีชื่อเสียง ได้เริ่มต้นการเดินทางอันน่าตื่นเต้นในโลกของไวน์ แม้ว่ามักจะถูกบดบังโดยประเทศผู้ผลิตไวน์แบบดั้งเดิม แต่อุตสาหกรรมไวน์ของประเทศไทยก็ได้รับการยอมรับอย่างต่อเนื่องและเจาะกลุ่มเฉพาะในตลาดโลก ด้วยการผสมผสานที่เป็นเอกลักษณ์ของสภาพอากาศเขตร้อน ดินที่อุดมสมบูรณ์ และความมุ่งมั่นในการพัฒนานวัตกรรม ประเทศไทยได้กลายเป็นคู่แข่งที่น่าประหลาดใจในโลกแห่งการผลิตไวน์

การผสมผสานของประเพณีและนวัตกรรม:

อุตสาหกรรมไวน์ของประเทศไทยเป็นการผสมผสานที่น่าสนใจของเทคนิคการผลิตไวน์แบบดั้งเดิมและแนวทางที่สร้างสรรค์ ผู้ผลิตไวน์ไทยได้รับแรงบันดาลใจจากประเพณีการผลิตไวน์ที่มีอายุหลายศตวรรษ โดยได้ดัดแปลงและผสมผสานวิธีปฏิบัติสมัยใหม่เพื่อให้เหมาะกับสภาพอากาศที่เป็นเอกลักษณ์ของประเทศ ด้วยการผสมผสานพันธุ์องุ่นดั้งเดิมเข้ากับแนวทางปฏิบัติด้านการปลูกองุ่นที่สร้างสรรค์ ประเทศไทยได้สร้างวัฒนธรรมไวน์ที่ผสมผสานประเพณีเข้ากับการทดลอง

ความได้เปรียบในเขตร้อน:

ภูมิอากาศเขตร้อนที่อบอุ่นของประเทศไทยเป็นทั้งความท้าทายและโอกาสสำหรับผู้ผลิตไวน์ แม้ว่าความร้อนและความชื้นจะทำให้องุ่นพันธุ์คลาสสิกเช่น Cabernet Sauvignon และ Merlot ไม่เหมาะสม แต่ผู้ผลิตไวน์ชาวไทยก็ประสบความสำเร็จในการนำองุ่นพันธุ์ต่างๆ องุ่นพันธุ์ต่างๆ เช่น Chenin Blanc, Colombard และ Shiraz ได้ค้นพบแหล่งปลูกองุ่นในประเทศไทยแล้ว โดยนำเสนอรสชาติที่แตกต่างซึ่งสะท้อนถึงดินแดนของประเทศ

โปรไฟล์ “แตร์รัวร์” และรสชาติที่ไม่เหมือนใคร:

ดินแดนที่หลากหลายของประเทศไทยมีส่วนสำคัญในการสร้างคุณลักษณะของไวน์ของตน ตั้งแต่ภูเขาในเชียงใหม่ไปจนถึงหุบเขาอันอุดมสมบูรณ์ของเขาใหญ่และหัวหิน องุ่นแต่ละภูมิภาคให้คุณสมบัติที่แตกต่างกันไป ไวน์ที่ได้จะแสดงการผสมผสานที่น่ารื่นรมย์ของรสชาติผลไม้เมืองร้อน กลิ่นดอกไม้ และความเป็นกรดที่สดชื่น รายละเอียดรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์นี้ทำให้ไวน์ไทยแตกต่างและเป็นทางเลือกที่สดชื่นสำหรับไวน์ท้องถิ่นแบบดั้งเดิม

แนวทางปฏิบัติที่ยั่งยืนและเป็นธรรมชาติ:

ผู้ผลิตไวน์ไทยหันมาใช้แนวทางปฏิบัติที่ยั่งยืนและออร์แกนิกมากขึ้นในไร่องุ่นของตน การใช้ปุ๋ยอินทรีย์ วิธีการกำจัดศัตรูพืชตามธรรมชาติ และเทคนิคการจัดการน้ำอย่างมีประสิทธิภาพ ไม่เพียงแต่ส่งเสริมความยั่งยืนของสิ่งแวดล้อมเท่านั้น แต่ยังช่วยเพิ่มคุณภาพขององุ่นด้วย ความมุ่งมั่นในการผลิตไวน์อย่างยั่งยืนทำให้มั่นใจได้ว่าอุตสาหกรรมไวน์ของประเทศไทยไม่เพียงแต่มีส่วนช่วยในการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศเท่านั้น แต่ยังเป็นการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติสำหรับอนุชนรุ่นหลังอีกด้วย

การท่องเที่ยวด้วยไวน์และการจับคู่อาหาร:

เนื่องจากอุตสาหกรรมไวน์ของประเทศไทยเติบโตอย่างต่อเนื่อง การท่องเที่ยวไวน์จึงได้รับแรงผลักดัน ทัวร์ไร่องุ่น ชิมอาหาร และประสบการณ์การจับคู่อาหารและไวน์ได้กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมสำหรับนักท่องเที่ยวชาวไทยและชาวต่างชาติ อาหารไทยขึ้นชื่อเรื่องรสชาติที่จัดจ้านและเครื่องเทศที่จัดจ้าน เป็นผืนผ้าที่ยอดเยี่ยมสำหรับจับคู่กับไวน์ของประเทศ วัฒนธรรมไวน์ที่เกิดขึ้นใหม่ได้เปิดประตูสู่ความร่วมมืออันน่าตื่นเต้นระหว่างผู้ผลิตไวน์และเชฟที่มีชื่อเสียง ซึ่งช่วยยกระดับภูมิทัศน์ด้านการทำอาหารของประเทศไทย

อุตสาหกรรมไวน์ของประเทศไทยได้ก้าวข้ามข้อจำกัดทางภูมิศาสตร์และภูมิอากาศ เพื่อสร้างตัวเองให้เป็นผู้เล่นที่มีเอกลักษณ์ในตลาดไวน์ระดับโลก ด้วยการผสมผสานระหว่างเทคนิคการผลิตไวน์แบบดั้งเดิม แนวทางที่สร้างสรรค์ และความมุ่งมั่นต่อความยั่งยืน ผู้ผลิตไวน์ไทยประสบความสำเร็จในการสร้างสรรค์ไวน์ที่สะท้อนถึงดินแดนของประเทศและความหลากหลายทางวัฒนธรรม ด้วยชื่อเสียงที่เพิ่มขึ้นในด้านคุณภาพและการท่องเที่ยวด้านไวน์ที่เฟื่องฟู ประเทศไทยจึงเป็นจุดหมายปลายทางที่น่าสนใจสำหรับผู้ชื่นชอบไวน์ที่แสวงหาประสบการณ์ใหม่และคาดไม่ถึงอย่างไม่ต้องสงสัย

รู้จักกับโรงบ่มไวน์ สถานที่สำคัญในการผลิตไวน์คุณภาพ

                เมื่อพูดถึงโรงบ่มไวน์แล้ว หลายคนที่ไม่ใช่คอไวน์อาจจะไม่ค่อยคุ้นชินกับชื่อนี้มากนัก แต่จะคิดไปถึงสิ่งที่นำมาทำไวน์อย่างองุ่นเสียมากกว่า แต่จริง ๆ แล้วหัวใจหลักอีกอย่างของการผลิตไวน์คุณภาพในทั่วทุกมุมโลก ก็คือสถานที่ที่เรียกว่าโรงบ่มไวน์นี้นี้เอง

โรงบ่มไวน์คืออะไร

                โรงบ่มไวน์ก็คือสถานที่สำหรับผลิตไวน์และเก็บรักษาไวน์ ให้ได้ออกมาเป็นไวน์ที่มีคุณภาพและได้รสชาติตามที่ต้องการนั่นเอง โดยโรงบ่มไวน์ไม่ได้มีลักษณะเฉพาะเจาะจงว่าจะต้องเป็นแบบไหน ทำให้โรงบ่มไวน์แต่ละที่ต่างมีลักษณะที่แตกต่างกันไปตามแต่เอกลักษณ์และเสน่ห์เฉพาะตัว เช่น โรงบ่มไวน์ขนาดเล็ก กลาง หรือใหญ่อาจจะมาจากพื้นที่ในการปลูกสร้างที่แตกต่างกัน หรือโรงบ่มไวน์ที่มีการก่อสร้างโดยใช้วัสดุที่แตกต่างกันตามแต่ละพื้นที่ แต่ละสภาพอากาศ เป็นต้น โดยทุกขั้นตอนในการผลิตไวน์นี้ล้วนแล้วแต่เกิดขึ้นในโรงบ่มนี้ทั้งสิ้น ตั้งแต่การหมัก การใส่ส่วนผสมต่าง ๆ รวมไปถึงการเก็บรักษาไวน์จนกว่าจะถึงเวลาที่พร้อมนำมาบรรจุขวดด้วย เรียกได้ว่ากว่าจะได้ไวน์คุณภาพออกมาสักหนึ่งขวดก็ต้องอาศัยสถานที่ที่เรียกว่าโรงบ่มไวน์นี่เองที่เป็นหนึ่งในหัวใจสำคัญ

ประเทศไทยเองก็มีโรงบ่มไวน์เหมือนกันนะ

                และหากพูดถึงการผลิตไวน์ในประเทศไทย หลายคนอาจจะยังไม่รู้ว่าในบ้านเราก็มีโรงบ่มไวน์ที่มีคุณภาพอยู่เช่นเดียวกัน อย่างไร่องุ่นละโรงบ่มไวน์ที่ชื่อว่า GranMonte (กรานมอนเต้) ที่เขาใหญ่ จังหวัดนครราชสีมาของเรานี่เอง ซึ่งตั้งอยู่ท่ามกลางพื้นที่ทั้งหมดกว่าร้อยไร่ และยังมีการปลูกองุ่นรวมถึงผลิตไวน์เป็นของตัวเองอีกด้วย นอกจากนั้นยังมีอีกหลาย ๆ โรงบ่มอย่าง PB Valley Khao Yai Winery โรงบ่มไวน์คุณภาพอีกที่ในจังหวัดนครราชสีมา ที่มีการปลูกองุ่นถึง 500 ไร่ และยังเป็นโรงบ่มไวน์ที่เรียกว่ามีขนาดใหญ่ที่สุดในอาเซียนด้วย และที่ขาดไม่ได้คือ Monsoon Valley ไร่องุ่นและโรงบ่มไวน์จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ที่เป็นแหล่งผลิตไวน์ชื่อดังที่ได้รับรางวัลระดับโลก อย่างไวน์มอนซูน แวลลีย์ ที่ได้รับการยอมรับว่าเป็นไวน์แบรนด์ไทยที่มีรสชาติที่มีเอกลักษณ์และเป็นหนึ่งในไวน์ที่ได้รับความนิยมจากคอไวน์หลากหลายประเทศ

นอกจากนั้นแล้วยังมีโรงบ่มไวน์อีกหลาย ๆ ที่ที่ต่างมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวและสามารถผลิตไวน์ที่มีคุณภาพออกมาสู่ท้องตลาดได้หลากหลายประเภท ซึ่งจะเห็นว่าในแต่ละพื้นที่ในบ้านเราไม่ว่าจะเป็นภาคไหนก็สามารถปลูกองุ่นและผลิตไวน์ที่มีรสชาติที่ดีและมีคุณภาพออกมาได้ โดยหัวใจหลักก็คือการมีโรงบ่มไวน์ที่ดี มีลักษณะที่ถูกต้องมีมาตรฐานประกอบกับการมีขั้นตอนการผลิตที่ใส่ใจและมีวัตถุดิบที่มีคุณภาพร่วมด้วย เพียงเท่านี้ก็สามารถผลิตไวน์ได้อย่างหลากหลายและสร้างสรรค์รสชาติของไวน์ได้ตามที่ต้องการแล้ว

บ่มไวน์อย่างไรให้รสชาติดีเลิศ ลักษณะโรงบ่มไวน์ที่ดีควรมี

โรงบ่มไวน์ถือเป็นหัวใจสำคัญในการผลิตไวน์ทุกชนิด เพราะถือเป็นสถานที่ที่มีผลต่อรสชาติของไวน์ และคุณภาพของไวน์ที่ผลิต นอกจากขั้นตอนการคัดสรรพันธุ์องุ่นที่จะนำมาทำไวน์และการหมักไวน์แล้ว การบ่มไวน์ก็ถือเป็นอีกหนึ่งขั้นตอนที่ต้องใส่ใจเป็นอย่างมาก เพราะสภาพแวดล้อมหรือปัจจัยภายนอกต่าง ๆ สามารถมีผลต่อรสชาติและสีของไวน์ได้เสมอ หากจะพูดถึงโรงบ่มไวน์ที่มีในแต่ละประเทศทั่วโลก ต้องบอกว่ามีเยอะมากจนนับไม่ถ้วน แต่ละที่ล้วนมีจุดเด่นที่เป็นลักษณะเฉพาะที่แตกต่างกันไป

บ่มไวน์อย่างไรให้ได้รสชาติดี

การบ่มไวน์ที่ดี จะทำให้เราได้ไวน์ที่ตรงตามคุณสมบัติที่ตั้งไว้ เช่น ได้ไวน์ที่มีสีใสสวยมากขึ้น ไม่มีตะกอนตกค้าง ได้รสชาติไวน์ที่ละมุน มีรสชาติดียิ่งขึ้น โดยระยะเวลาในการบ่มจะแล้วแต่ประเภทของไวน์ ไม่ได้มีระยะเวลาที่ตายตัว ว่ากันว่ายิ่งบ่มนานยิ่งทำให้รสชาติของไวน์ดีขึ้นตามไปด้วย บางครั้งบ่มกันนานหลายปีเลยก็มี ไวน์ขาว และไวน์ชมพูอาจจะใช้ระยะเวลาการบ่มที่น้อยกว่าไวน์แดง เพราะจะเน้นการได้รสสัมผัสที่เป็นกลิ่นหอมของผลไม้อยู่ แต่หากเป็นไวน์แดงที่มีรสชาติเข้มข้นขึ้นมา ก็อาจจะใช้ระยะเวลาในการบ่มนานขึ้นอีกสักนิด แต่ทั้งนี้ไม่ว่าจะเป็นไวน์แบบไหน ก็ควรจะบ่มในโรงบ่มที่มีคุณภาพ ยิ่งบ่มในถังสแตนเลสหรือถังไม้โอ๊คชั้นดี ก็จะช่วยให้เราได้ไวน์ที่ได้มีคุณสมบัติที่ดียิ่งขึ้นตามไปด้วย หลังจากบ่มได้ทีแล้วจึงมีการตรวจสอบคุณภาพไวน์อีกครั้งก่อนนำไปบรรจุในขวดแล้วนำไปเก็บต่อ

ลักษณะโรงบ่มไวน์ที่ดี

  • มีสถานที่ที่กว้างขวาง ทำเลเหมาะสม พื้นที่ไม่แออัดจนเกินไป สามารถบ่มไว้ในถังสแตนเลส หรือถังไม้โอ๊คได้อย่างสะดวกสบาย
  • มีอุณหภูมิที่เหมาะสม อย่างที่รู้กันว่าอุณหภูมิมีผลต่อการคุณภาพ และรสชาติของไวน์ การบ่มไวน์ในโรงบ่มที่มีการควบคุมอุณหภูมิได้ดี จึงช่วยให้ไวน์มีคุณภาพ และรสชาติที่ดีตามไปด้วย
  • เป็นโรงบ่มไวน์ที่มิดชิด ไม่มีแสงแดด หรือมีช่องว่างให้อากาศ ลมหรือฝนเข้าไปได้ เพราะความร้อน ความชื้นต่าง ๆ สามารถมีผลต่อคุณภาพของไวน์ได้ทั้งสิ้น และปัจจัยเหล่านี้ยังสามารถทำให้รสชาติของไวน์เปลี่ยนได้ตลอดเวลา
  • สามารถแยกประเภทไวน์ได้อย่างเหมาะสม เป็นระเบียบเรียบร้อยไม่ปนกัน นั่นคือ โรงบ่มไวน์ที่ดีควรมีการแยกประเภทของถังเก็บไวน์ออกอย่างชัดเจน เพื่อไม่ให้สับสน และง่ายต่อการตรวจสอบคุณภาพไวน์ที่บ่ม เพราะไวน์แต่ละชนิดอาจจะต้องการระยะเวลาในการบ่มที่แตกต่างกัน การจัดระเบียบที่ดีจะช่วยให้เกิดความผิดพลาดน้อยลง

จะเห็นว่าการบ่มไวน์ที่ดี มีโรงบ่มไวน์ที่มีลักษณะถูกต้อง จะช่วยเพิ่มความมีประสิทธิภาพในการผลิตไวน์ให้ดียิ่งขึ้น และยังทำให้ไวน์ที่ออกมาจากโรงบ่มเป็นไวน์ชั้นดี มีคุณภาพเยี่ยมตามไปด้วย