Tag Archives: รสชาติไวน์

คอไวน์แดงห้ามพลาด แนะนำอาหารที่เหมาะกับการทานคู่ไวน์แดงที่สุด

                ไวน์แดงถือเป็นไวน์ที่ได้รับความนิยมเป็นอันดับต้น ๆ ในประเภทของไวน์ทั้งหมด โดยมักจะเป็นไวน์ที่ถูกสั่งมาดื่มในมื้ออาหาร เนื่องจากเป็นไวน์ที่สามารถดื่มเข้ากันได้กับอาหารหลากหลายชนิดได้ดี สามารถชูรสชาติของอาหารให้กลมกล่อมขึ้นได้อยากลงตัวที่สุด จึงทำให้เมื่อนึกถึงไวน์ที่จะมาทานคู่กับอาหารจานโปรดก็มักจะมีชื่อของไวน์แดงอยู่ในนั้นเสมอ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าไวน์แดงจะสามารถดื่มเข้ากับอาหารได้ทุกชนิดนะ เพราะด้วยรสชาติเฉพาะตัวของไวน์แดงเองก็อาจทำให้รสชาติของอาหารบางประเภทถูกกลบไปได้ด้วยเช่นกัน เพราะฉะนั้นวันนี้จึงจะมาแนะนำอาหารที่เหมาะกับการทานคู่กับไวน์แดงอย่างที่สุด จะมีอะไรบ้างไปดูกันเลย

อาหารที่เหมาะกับการทานคู่ไวน์แดง

  • สเต็กเนื้อ โดยเฉพาะที่ทำมาจากสัตว์ใหญ่ต่าง ๆ เพราะไวน์แดงเป็นไวน์ที่มีรสชาติเข้มข้น มีความฝาดค่อนข้างมากกว่าไวน์ชนิดอื่น ทำให้เมื่อนำมาทานคู่กับอาหารที่ทำมาจากเนื้อสัตว์ใหญ่อย่างพวกเนื้อวัว เนื้อแกะ เมนูมัสมั่น สตูว์เนื้อหรือแกงกะหรี่เนื้อ รวมถึงอาหารจำพวกที่มีซอสเข้มข้นต่าง ๆจะมีความเข้ากันมาก เพราะจะช่วยชูรสชาติที่เข้มข้นของอาหารเหล่านั้นออกมา ทำให้ได้รสชาติที่กลมกล่อมและลงตัวมากยิ่งขึ้น
  • ชีส ถือเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่หลายคนอาจจะยังไม่รู้ว่าสามารถทานกับไวน์ได้อย่างเข้ากันที่สุด โดยชีสที่สามารถนำมาทานกับไวน์ก็จะมีหลากหลายแบบด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นชีสเนื้อแข็งอย่างเชดดาร์ชีส พาเมซานชีส ที่เราอาจจะคุ้นชื่อกันมาบ้างโดยเฉพาะเชดดาร์ชีสที่เป็นอีกหนึ่งชีสที่นิยมทานกันในบ้านเรา ซึ่งเป็นชีสที่แข็งมีเนื้อสัมผัสที่เข้มข้นจึงเหมาะมากกับการทานคู่กับไวน์แดงที่มีรสสัมผัสที่หนักและเข้มข้นเช่นกัน ซึ่งความฝาดและรสชาติที่เข้มของไวน์แดงจะสามารถทำให้รสชาติของเชดดาร์ชีสนั่นกลมกล่มละมุนลิ้นขึ้นได้อย่างลงตัวที่สุด หรือจะเป็นซอฟชีสหรือชีสเนื้ออ่อนก็สามารถนำมาทานคู่กับไวน์แดงได้อร่อยไม่แพ้ชีสแข็งเช่นเดียวกัน อย่างที่รู้จักกันดีก็คือมอสซาเรลล่าชีสนั่นเอง

นอกจากนั้นไวน์แดงยังสามารถทานคู่กับอาหารที่เป็นเครื่องเทศได้อย่างดีด้วย ไม่ว่าจะเป็นอาหารไทย อาหารจีน หรืออาหารที่มีรสชาติที่จัดจ้าน มีเครื่องเทศหรือส่วนผสมที่ค่อนข้างหนักก็สามารถเข้ากันได้ดีกับไวน์แดงทั้งนั้น เรียกได้ว่าไวน์แดงเป็นอีกหนึ่งไวน์ที่สามารถทำให้มื้ออาหารของคุณเป็นมื้ออาหารที่น่าประทับใจได้เป็นอย่างดีเลยทีเดียว โดยเฉพาะหากคุณเลือกจับคู่ไวน์แดงกับอาหารได้อย่างลงตัวด้วยแล้ว รับรองคุณจะได้ลิ้มรสกับความอร่อยที่มากขึ้นของอาหารและรสชาติของไวน์ที่ดีขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อเลยทีเดียว

ดื่มไวน์อย่างไรให้กลมกล่อมที่สุด รวมข้อที่ไม่ควรทำหากไม่อยากให้ไวน์เสียรสชาติ

                ไวน์ถือเป็นเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่ขึ้นชื่อว่ามีรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว ไม่ว่าจะเป็นกลิ่นหรือรสสัมผัสที่ชวนหลงใหล หรือความกลมกล่อมเมื่อได้ดื่มกับมื้ออาหารที่เข้ากันเองก็ตาม จึงไม่แปลกที่หลายคนมักจะเลือกไวน์ให้เป็นเครื่องดื่มคู่ใจที่สามารถดื่มได้ในทุกโอกาส และด้วยความที่ไวน์มีเอกลักษณ์ทางด้านรสชาติที่ไม่เหมือนใครนี่เอง ทำให้เวลาดื่มต้องคอยระวังไม่ให้มีอะไรมาทำให้รสชาติของไวน์ผิดเพี้ยนไป จนทำให้เราไม่ได้รับรู้ถึงรสชาติที่แท้จริงของไวน์นั้น ๆ วันนี้เราจึงอยากมาบอกถึงข้อควรระวังที่ไม่ควรทำในการดื่มไวน์ หากไม่อยากให้ไวน์เสียรสชาติ จะมีอะไรบ้างตามไปดูกันเลย

ข้อควรระวังในการดื่มไวน์ไม่ให้เสียรสชาติ

  • ไม่ควรใช้แก้วที่ไม่ใช่แก้วไวน์ในการดื่ม เนื่องจากไวน์เป็นเครื่องดื่มที่ต้องคำนึงถึงอุณหภูมิในการดื่มด้วย เพราะทั้งอากาศและความชื้นต่าง ๆ สามารถเปลี่ยนรสชาติของไวน์ได้ทั้งนั้น อย่างแก้วไวน์ขาวที่ถูกออกแบบมาให้เป็นแก้วทรงสูงมีด้ามจับที่ยาวก็เพื่อให้เราได้จับในส่วนที่เป็นด้ามแก้วโดยไม่โดนส่วนของตัวแก้ว เพื่อให้อุณหภูมิความร้อนจากมือของเราไปสัมผัสกับไวน์ในแก้ว จนทำให้รสชาติของไวน์ผิดเพี้ยนไปนั่นเอง
  • ไม่ควรดื่มไวน์ควบคู่ไปกับอาหารที่ผิดประเภท เช่น เลือกทานไวน์แดงที่มีรสฝาดนำหวานกับพวกอาหารทะเล หรือเนื้อปลาต่าง ๆ เพราะความฝาดของไวน์นอกจากจะไม่ได้ทำให้ความคาวของอาหารทะเลลดลงแล้ว ยังอาจจะไม่ได้ทำให้รสชาติของอาหารมื้อนั้นอร่อยขึ้นอย่างที่ควรจะเป็นก็ได้ หรือการดื่มไวน์แดงโดยการนำไปแช่เย็นก็เป็นอีกสิ่งที่ไม่ควรทำ เพราะไวน์แดงเป็นไวน์ที่จะให้รสชาติที่ดีในอุณหภูมิห้องมากกว่าที่จะนำไปดื่มแบบเย็น เหมือนไวน์ขาวหรือไวน์จำพวกสปาร์คกลิ้งไวน์
  • อย่าดื่มไวน์ไปพร้อม ๆ กับการดื่มเครื่องดื่มชนิดอื่น เพราะอาจจะทำให้รสชาติของไวน์ถูกรสชาติของเครื่องดื่มชนิดอื่นกลบไปเสียหมด จนทำให้เราไม่ได้สัมผัสกับรสชาติและกลิ่นหอมที่แท้จริงของไวน์นั้น ๆ ได้ นอกจากนั้นการที่เราดื่มไวน์ไปพร้อม ๆ กับเครื่องดื่มอย่างอื่นโดยเฉพาะเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์เหมือนกัน อาจจะทำให้ร่างกายได้รับปริมาณแอลกอฮอล์ที่มากเกินไป หรือเป็นอันตรายต่อสุขภาพได้

นอกจากนั้นเมื่อเริ่มเปิดไวน์ดื่มเป็นเครื่องแรก ก็ควรมีการเก็บรักษาที่ถูกวิธีด้วย โดยควรนำไวน์ไปเก็บไว้ในที่เหมาะสม อย่างเช่น เก็บในตู้ไวน์ที่มีอุณหภูมิคงที่ หรือชั้นเก็บไวน์ที่มีความมิดชิดไม่โดนแสงแดดหรือมีกลิ่นจากภายนอกเข้าไปกระทบ เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้ไวน์นั้นมีรสชาติที่ผิดเพี้ยนไปจากเดิม และช่วยคงสีและกลิ่นของไวน์ไม่ให้เปลี่ยนไปนั่นเอง เมื่อรู้แบบนี้แล้วต่อไปหากต้องดื่มไวน์ก็อย่างลืมคำนึงถึงข้อควรระวังเหล่านี้ด้วยนะ เพื่อที่เราจะได้สัมผัสถึงรสชาติของไวน์ขวดโปรดได้อย่างกลมกล่อมมากที่สุดนั่นเอง

บ่มไวน์อย่างไรให้รสชาติดีเลิศ ลักษณะโรงบ่มไวน์ที่ดีควรมี

โรงบ่มไวน์ถือเป็นหัวใจสำคัญในการผลิตไวน์ทุกชนิด เพราะถือเป็นสถานที่ที่มีผลต่อรสชาติของไวน์ และคุณภาพของไวน์ที่ผลิต นอกจากขั้นตอนการคัดสรรพันธุ์องุ่นที่จะนำมาทำไวน์และการหมักไวน์แล้ว การบ่มไวน์ก็ถือเป็นอีกหนึ่งขั้นตอนที่ต้องใส่ใจเป็นอย่างมาก เพราะสภาพแวดล้อมหรือปัจจัยภายนอกต่าง ๆ สามารถมีผลต่อรสชาติและสีของไวน์ได้เสมอ หากจะพูดถึงโรงบ่มไวน์ที่มีในแต่ละประเทศทั่วโลก ต้องบอกว่ามีเยอะมากจนนับไม่ถ้วน แต่ละที่ล้วนมีจุดเด่นที่เป็นลักษณะเฉพาะที่แตกต่างกันไป

บ่มไวน์อย่างไรให้ได้รสชาติดี

การบ่มไวน์ที่ดี จะทำให้เราได้ไวน์ที่ตรงตามคุณสมบัติที่ตั้งไว้ เช่น ได้ไวน์ที่มีสีใสสวยมากขึ้น ไม่มีตะกอนตกค้าง ได้รสชาติไวน์ที่ละมุน มีรสชาติดียิ่งขึ้น โดยระยะเวลาในการบ่มจะแล้วแต่ประเภทของไวน์ ไม่ได้มีระยะเวลาที่ตายตัว ว่ากันว่ายิ่งบ่มนานยิ่งทำให้รสชาติของไวน์ดีขึ้นตามไปด้วย บางครั้งบ่มกันนานหลายปีเลยก็มี ไวน์ขาว และไวน์ชมพูอาจจะใช้ระยะเวลาการบ่มที่น้อยกว่าไวน์แดง เพราะจะเน้นการได้รสสัมผัสที่เป็นกลิ่นหอมของผลไม้อยู่ แต่หากเป็นไวน์แดงที่มีรสชาติเข้มข้นขึ้นมา ก็อาจจะใช้ระยะเวลาในการบ่มนานขึ้นอีกสักนิด แต่ทั้งนี้ไม่ว่าจะเป็นไวน์แบบไหน ก็ควรจะบ่มในโรงบ่มที่มีคุณภาพ ยิ่งบ่มในถังสแตนเลสหรือถังไม้โอ๊คชั้นดี ก็จะช่วยให้เราได้ไวน์ที่ได้มีคุณสมบัติที่ดียิ่งขึ้นตามไปด้วย หลังจากบ่มได้ทีแล้วจึงมีการตรวจสอบคุณภาพไวน์อีกครั้งก่อนนำไปบรรจุในขวดแล้วนำไปเก็บต่อ

ลักษณะโรงบ่มไวน์ที่ดี

  • มีสถานที่ที่กว้างขวาง ทำเลเหมาะสม พื้นที่ไม่แออัดจนเกินไป สามารถบ่มไว้ในถังสแตนเลส หรือถังไม้โอ๊คได้อย่างสะดวกสบาย
  • มีอุณหภูมิที่เหมาะสม อย่างที่รู้กันว่าอุณหภูมิมีผลต่อการคุณภาพ และรสชาติของไวน์ การบ่มไวน์ในโรงบ่มที่มีการควบคุมอุณหภูมิได้ดี จึงช่วยให้ไวน์มีคุณภาพ และรสชาติที่ดีตามไปด้วย
  • เป็นโรงบ่มไวน์ที่มิดชิด ไม่มีแสงแดด หรือมีช่องว่างให้อากาศ ลมหรือฝนเข้าไปได้ เพราะความร้อน ความชื้นต่าง ๆ สามารถมีผลต่อคุณภาพของไวน์ได้ทั้งสิ้น และปัจจัยเหล่านี้ยังสามารถทำให้รสชาติของไวน์เปลี่ยนได้ตลอดเวลา
  • สามารถแยกประเภทไวน์ได้อย่างเหมาะสม เป็นระเบียบเรียบร้อยไม่ปนกัน นั่นคือ โรงบ่มไวน์ที่ดีควรมีการแยกประเภทของถังเก็บไวน์ออกอย่างชัดเจน เพื่อไม่ให้สับสน และง่ายต่อการตรวจสอบคุณภาพไวน์ที่บ่ม เพราะไวน์แต่ละชนิดอาจจะต้องการระยะเวลาในการบ่มที่แตกต่างกัน การจัดระเบียบที่ดีจะช่วยให้เกิดความผิดพลาดน้อยลง

จะเห็นว่าการบ่มไวน์ที่ดี มีโรงบ่มไวน์ที่มีลักษณะถูกต้อง จะช่วยเพิ่มความมีประสิทธิภาพในการผลิตไวน์ให้ดียิ่งขึ้น และยังทำให้ไวน์ที่ออกมาจากโรงบ่มเป็นไวน์ชั้นดี มีคุณภาพเยี่ยมตามไปด้วย

 

ชื่อเสียงและที่มาของพันธุ์องุ่นที่ใช้ผลิตไวน์

บนโลกเราจะมีองุ่นอยู่มากมายหลากสายพันธุ์ ว่ากันว่ามีองุ่นอยู่ถึงหมื่นกว่าสายพันธุ์ แต่มีองุ่นที่ใช้ผลิตไวน์อยู่เพียงหนึ่งในสี่เท่านั้น นั่นทำให้องุ่นที่ใช้ผลิตไวน์บางสายพันธุ์ถูกเลือกให้เป็นสายพันธุ์ที่คุณค่ามีราคา เป็นที่รู้จักในโลกของไวน์ แต่องุ่นบางสายพันธ์ที่ใช้ผลิตไวน์ก็ประสบความสำเร็จและมีความหมายในบางพื้นที่เท่านั้น ในตลาดไวน์ที่เปิดกว้างขึ้นผู้ผลิตไวน์ต่างก็พยายามที่จะนำเสนอไวน์และองุ่นที่ใช้ผลิตไวน์จากท้องถิ่นของตนให้เป็นที่รู้จักของโลกภายนอก 

ธรรมเนียมการใช้องุ่นผลิตไวน์จากโลกเก่า สู่โลกใหม่

                ในยุโรปหรือโลกของไวน์ในยุคเก่า เยอรมัน ออสเตรีย ทิโรลตอนใต้ (อิตาลี) และอาลซัส (ฝรั่งเศส) ธรรมเนียมโบราณที่จะบอกถึงคุณภาพของไวน์นั้นจะระบุชนิดของพันธุ์องุ่นไว้บนฉลากไวน์ ซึ่งเป็นการโฆษณาอย่างภาคภูมิของไวน์ยี่ห้อนั้น ๆ ส่วนในฝรั่งเศสหลายพื้นที่ ที่ผลิตไวน์แบบคลาสสิคจะไม่ระบุสายพันธุ์ขององุ่นไว้บนฉลาก แต่จะมีกฎบังคับเป็นลายลักษณ์อักษรว่าหากใช้ชื่อสายพันธุ์นั้นเพื่อบ่งบอกถึงคุณภาพ ก็ต้องปลูกองุ่นชนิดนั้นเพียงสายพันธุ์เดียว ไม่เช่นนั้นจะมีความผิด ในแคว้นบอร์โด, ฝรั่งเศสตอนใต้, สเปน, อิตาลี และโปรตุเกส จะใช้ธรรมเนียมแบบเก่า โดยให้ความสำคัญกับการผสมไวน์จากองุ่นต่างพันธุ์ ซึ่งในปัจจุบันหลายพื้นที่ก็ยังยึดตามธรรมเนียมนี้อยู่

ไวน์ในโลกยุคใหม่ หรือในรอบสิบปีที่ผ่านมามีการปลูกองุ่นและผลิตไวน์ในพื้นที่ใหม่ ๆ เช่น อเมริกา, อเมริกาใต้, ออสเตรียเลีย, นิวซีแลนด์ โดยปลูกองุ่นสายพันธุ์ที่เป็นที่รู้จักเป็นอย่างดี เช่น ชาดอร์เน (Chardonnay), โซวีญง (Sauvignon), กาแบร์เนโซวีญง (Cabernet Sauvignon), แมร์โล (Merlot), ชีรัซ(Shiraz), ปิโนนัวร์ ( Pinot Noir) เป็นต้น แต่ไวน์เหล่านี้ก็จะมีรสชาติแตกต่างออกไปจากเดิม ตามสภาพพื้นที่ที่ปลูก 

องุ่นสายพันธุ์ไหน ให้รสชาติไวน์อย่างไร

บนฉลากไวน์บางขวดจะบอกสายพันธุ์องุ่น ซึ่งจะมีรสชาติเฉพาะของตนเองยกตัวอย่าง เช่น

  • กาแบร์เน โซวีญง (Cabernet Sauvignon) ซึ่งรู้จักไปทั่วโลก เป็นองุ่นพันธุ์สีแดง แหล่งผลิตไวน์ชนิดนี้มาจากหลายท้องที่ เช่น ฝรั่งเศส แคลิฟอร์เนีย ออสเตรียเลีย ชิลี อาเจนติน่า ฯลฯ ซึ่งรสชาติของไวน์จะเข้มข้นและเต็มไปด้วยส่วนผสมที่หลากหลายอาทิ รสของผลไม้ ปาปริก้า วานิลลา ยาสูบ ช็อคโกแลต และกาแฟ
  • ชาร์ดอเน (Chardonnay) องุ่นขาว ไวน์ขาวที่รู้จักไปทั่วโลกเช่นกัน ที่เห็นบ่อยก็มาจาก แคลิฟอร์เนีย และออสเตรียเลีย เป็นไวน์ที่มีรสชาติละมุนและกลมกลืน มีทั้งรสของผลไม้ น้ำผึ้ง ดอกไม้ ผิวไม้ ขนมปัง เนย และคาราเมล
  • แมร์โล (Merlot) องุ่นแดง ไวน์แดงที่รู้จักไปทั่วโลกไม่แพ้ไวน์สองชนิดข้างต้น รสชาติที่นุ่มดั่งกำมะหยี่แกมผลไม้หลากหลาย อาทิ เชอร์รี่ บลูเบอร์รี่ ราสเบอร์รี่ สาระแหน่ และวานิลลา ว่ากันว่าไวน์แมร์โลดี ๆ นั้นมีอยู่ดาษดื่น แต่แมร์โลที่แพงที่สุดนั้นมีราคาถึงขวดละสองหมื่นกว่ายูโรขึ้นไป

นั่นเป็นเพียงตัวอย่างขององุ่นและรสชาติของไวน์ ยังมีองุ่นอีกหลายสายพันธุ์ที่เป็นที่รู้จักและมีรสชาติเฉพาะแตกต่างออกไป แต่ก็ยังมีองุ่นพันธุ์ที่ผู้คนแทบจะไม่รู้จักเช่น Airen ซึ่งนำมากลั่นทำบรั่นดี หรือ Glera ซึ่งเป็นองุ่นพันธุ์ที่นำมาผลิต Prosecco (sparkling wine) ของอิตาลี