Tag Archives: สายพันธุ์องุ่น

Chambourcin องุ่นลูกผสม กลิ่นหอมยวนใจแห่งลุ่มแม่น้ำลัวร์

การพัฒนาสายพันธุ์เพื่อใช้ในอุตสาหกรรมการผลิตไวน์นั้นเกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลา ทำให้เกิดสายพันธุ์องุ่นที่ต่างก็มีความโดดเด่นและหลากหลายรสชาติเกิดขึ้น ผลที่ตามมาก็คือความรุ่นเรืองของอุตสาหกรรมไวน์ในปัจจุบัน เพราะเมื่อมีองุ่นพันธุ์ดีที่เป็นวัตถุดิบหลักในการใช้ผลิตไวน์แล้ว ก็จะได้น้ำไวน์ที่มีรสชาติเป็นเอกลักษณ์แตกต่างกันไป ซึ่งในบทความนี้อยากกล่าวถึงองุ่นพันธุ์ผสมที่เป็นหนึ่งในองุ่นสายพันธุ์ที่ได้รับการพัฒนา จนมีเอกลักษณ์เป็นของตัวเองจนเป็นที่กล่าวขานในหมู่นักชิมไวน์ต่อ ๆ กันมาตั้งแต่ปี 1970 องุ่นที่กล่าวถึงก็คือ องุ่นสายพันธุ์แชมบัวร์ซิน (Chambourcin) นั่นเอง

แชมบัวร์ซินเป็นองุ่นสายพันธุ์ลูกผสมระหว่างองุ่นพันธุ์ฝรั่งเศส-อเมริกัน ที่นิยมอย่างมากในการนำมาผลิตไวน์ แชมบัวร์ซิน ได้รับการพัฒนาสายพันธุ์ให้มีความต้านทานโรคเชื้อราเป็นอย่างมาก ซึ่งพัฒนาขึ้นในแถบลุ่มแม่น้ำลัวร์ ของประเทศฝรั่งเศส แชมบัวร์ซินได้ถูกนำมาทำไวน์ครั้งแรกเมื่อปี 1963 โดย Joannes Seyve ผู้ซึ่งเป็นสมาชิกหนึ่งในครอบครัวที่มีชื่อเสียงในด้านการพัฒนาสายพันธุ์องุ่นที่ใช้ผลิตไวน์

ไวน์ที่มาจากแชมบัวร์ซิน กลายเป็นไวน์ที่ได้รับความนิยมอย่างมากในปี 1970 ในแถบภูมิภาค Bordeaux และ Loire Valley ของฝรั่งเศส และยังคงเป็นไวน์แดงอันดับต้น ๆ ที่ถูกนึกถึงอยู่เสมอจนถึงปัจจุบัน

แหล่งปลูกองุ่นและผลิตไวน์แชมบัวร์ซิน

องุ่นแชมบัวร์ซิน มีการปลูกมากที่สุดในภูมิภาคอเมริกาเหนือ กลางมหาสมุทรแอตแลนติกในภูมิอากาศเย็น สำหรับไร่องุ่นก็ยังสามารถหาได้ในนิวยอร์ก, นิวเจอร์ซี, นอร์ธ แคโรไรน่าและเพนซิเวเนียร์ ในส่วนของรัฐอื่น ๆ ที่ยังคงมีปลูกองุ่นแชมบัวร์ซินให้เห็น ได้แก่ เวอร์จิเนีย, แมริแลนด์, มิชิแกน, เวสต์ เวอร์จิเนีย, อิลลินอยส์, อินดีแอนาและมิสซูรี่ รวมถึงออสเตรเลียและฝรั่งเศสที่ทราบกันดีว่าองุ่นแชมบัวร์ซินนั้นเจริญเติบโตได้เป็นอย่างดี ทำให้ไวน์แชมบัวร์ซินที่ผลิตในออสเตรเลียมีความเข้มข้น ถูกใจผู้ที่ชื่นชอบดื่มไวน์เป็นอย่างมาก

ในทางกลับกัน ประเทศในแถบยุโรปจะไม่ได้รับอนุญาตให้มีการผสมองุ่นสายพันธุ์ดั้งเดิมกับองุ่นพันธุ์ผสม จึงเป็นผลให้ประเทศฝั่งยุโรปไม่สามารถจำหน่ายไวน์ที่ผลิตจากแชมบัวร์ซินได้อย่างแพร่หลาย

ความโดดเด่นของแชมบัวร์ซินที่หาได้ยากในองุ่นลูกผสม

ไวน์ที่ผลิตจากแชมบัวร์ซิน จะมีสีเข้มและมีกลิ่นหอม ซึ่งแตกต่างจากองุ่นลูกผสมสายพันธุ์อื่น ๆ แชมบัวร์ซินนั้นสามารถนำไปผลิตได้ทั้ง ไวน์จืด (Dry Wine) และไวน์หวาน (Sweet Wine) ด้วยปริมาณน้ำตาลที่อยู่ในแชมบัวร์ซินนั้น มีความหวานที่พอเหมาะ คุณจะได้ดื่มด่ำกับไวน์แดงเข้มข้นแม้จิบเพียงแค่นิดเดียว

ไวน์แชมบัวร์ซิน เข้ากันได้ดีกับอาหารหลากหลาย ตั้งแต่แฮมเบอร์เกอร์ เนื้อลูกวัว ไปจนถึงอาหารปลา อย่าง ทูน่า, ปลาอิโต้มอญ (Mahi-mahi), ปลาฉนาก (Swordfish) และปลาลิ้นหมา เมื่อพูดถึงของหวาน ไวน์แชมบัวร์ซิน มักจับคู่กับของหวานที่ทำจากช็อคโกแลต สีเข้ม ๆ ของไวน์เหมาะสำหรับบรรยากาศการรับประทานอาหารค่ำในช่วงเย็นอันแสนโรแมนติก รสชาติขององุ่นและช็อคโกแลตสามารถเข้ากันได้ดีเลยทีเดียว

Koshu องุ่นสายพันธุ์ผสม แหล่งกำเนิดความพิถีพิถันแบบเอเชียที่เต็มไปด้วยความน่าค้นหา

ประเทศญี่ปุ่นเป็นอีกหนึ่งประเทศในฝันของใครหลายคน ที่ชีวิตนี้อยากจะไปเยือนสักครั้ง ที่ดินแดนอาทิตย์อุทัยนี้เต็มไปด้วยความมหัศจรรย์ใจหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นอาหาร วัตนธรรม หรือประเพณี แต่ยังมีอีกหนึ่งสิ่งมหัศจรรย์ที่หลาย ๆ ท่านยังไม่เคยได้ล่วงรู้นั่นก็คือ ที่นี่เป็นต้นกำเนิดพันธุ์องุ่นที่มีชื่อว่า “Koshu” องุ่นสายพันธุ์ลูกครึ่งระหว่างเอเชียและยุโรป ที่ผ่านการตัดต่อ DNA จนเป็นที่มาของไวน์ขาวรสชาติหอม มีความพิถีพิถัน และเต็มไปด้วยเสน่ห์ที่น่าค้นหาแบบชนชาติเอเชีย

ความร้อนและเย็นที่ไหลเวียนเปลี่ยนผ่าน ทำให้สายพันธุ์องุ่น Koshu มีลักษณะที่โดดเด่น ไม่เหมือนใคร

จุดเริ่มต้นขององุ่นสายพันธุ์ Koshu เริ่มมาจากชาวสวนคนหนึ่งในจังหวัดยามานาชิ ประเทศญี่ปุ่น เขาได้อาศัยอยู่ทางตอนบนของจังหวัด และได้นำสปีชีส์ขององุ่นในสายพันธุ์ยุโรปมาผสมผสานกับองุ่นพันธุ์พื้นเมืองของญี่ปุ่นหลังจากตัดต่อพันธุกรรมแล้วเลยลองนำมาเพาะปลูกในบริเวณไร่ของตนเอง แต่เนื่องจากในจังหวัดยามานาชิ รวมไปถึงพื้นที่บริเวณนั้นมีฤดูที่หมุนเวียนเปลี่ยนไปตลอด หากเข้าหน้าร้อนก็จะร้อนสุด ๆ และหากหนาว ก็จะหนาวจนเย็นยะเยือกเช่นกัน ทำให้เขาเกิดเป็นกังวลว่าองุ่นสายพันธุ์ที่ทำขึ้นใหม่นี้จะสามารถเติบโตได้หรือไม่ หากแต่ในเวลาต่อมาก็ได้ทราบว่า อากาศที่เดี๋ยวร้อนเดี๋ยวหนาวนั้นคือหัวใจสำคัญเชียวล่ะ เพราะเจ้าองุ่นสายพันธุ์ Koshu ต้องอาศัยอากาศทั้งร้อนและเย็นในการเติบโตและด้วยเหตุปัจจัยนี้จึงทำให้รสชาติของมันเปลี่ยนไปด้วยโดยปริยาย แตกต่างจากรสชาติองุ่นหลาย ๆ สายพันธุ์ในยุโรปที่มักจะหนาวเสียเป็นส่วนใหญ่

อย่างไรก็ดี การจะทำให้ Koshu ออกมามีรสชาติอร่อย เติบโตเต็มต้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ ย่อมต้องผ่านการดูแลที่พิถิพิถันแน่นอน ซึ่งเริ่มตั้งแต่การปลูกองุ่น Koshuคนที่นี่จะปลูกองุ่นเป็นลักษณะไม้เลื้อยขึ้นเป็นโดม ป้องกันไม่ให้ผลผลิตบอบช้ำ และกิ่งก้านแตกหักยามเข้าสู่ฤดูฝน อีกทั้งตอนเก็บเกี่ยวผลผลิต ก็จะใช้การตัดกิ่งในแบบดั้งเดิมของญี่ปุ่นที่ทำให้ตัวองุ่นคงความสดใหม่ เหมือนกับอยู่บนต้นเช่นเดิม

Koshuหัวใจของ White wineที่เติมเต็มสัมผัสใหม่ให้กับคนรักไวน์ได้ลิ้มลอง

อย่างที่ได้กล่าวไปแล้วด้านต้น ว่าองุ่น Koshu เป็นสายพันธุ์องุ่นที่เป็นลูกผสมระหว่างสายพันธุ์ทางยุโรปและเอเชีย ประกอบกับการเลี้ยงดูด้วยสภาพอากาศที่แตกต่างไปจากไวน์ฉบับดั้งเดิมจึงยิ่งเสริมให้องุ่นพันธุ์นี้มีความพิเศษมากมายในตัวของมันเองไม่ว่าจะเป็น ตัวผลที่จะมีลักษณะเล็ก แต่เป็นสีอ่อน ๆ ซีด ๆ เปลือกด้านนอกจะแข็ง แต่ข้างในกลับนิ่ม หากเด็ดกินเปล่า ๆ ไม่ต้องนำไปบ่มไวน์ จะสัมผัสได้ถึงความกรุบกรอบเล็กน้อยตอนเคี้ยวในปาก อธิบายลักษณะเด่นของรสชาติได้ยาก มีความหอมโดดแบบยุโรป แต่ในเวลาเดียวกันก็มีความกลมกลืนเป็นธรรมชาติแบบองุ่นเอเชีย

จุดเริ่มต้นที่ทำให้ Koshu ถูกพัฒนามาเป็นไวน์ขาว นั่นก็เพราะบริษัททำไวน์บริษัทหนึ่งในจังหวัดยามานาชิ ได้ส่งลูกของเขาสองคนไปเรียนการทำไวน์ที่ฝรั่งเศส เมื่อกลับมาบุคคลทั้งสองนั้นจึงกระตือรือร้นในการทำไวน์ญี่ปุ่นมาก จึงได้นำ Koshu เข้าสู่กระบวนการพัฒนา จนค่อย ๆ มีชื่อเสียงมากขึ้นและกลายเป็นไวน์ขาวอันโด่งดัง เปี่ยมไปด้วยเอกลักษณ์แบบเอเชียให้เราได้ลิ้มรสกันในทุกวันนี้

นอกเหนือจากนี้ Koshu ยังเหมาะที่จะดื่มคู่กับเมนูอาหารต้นตำรับของญี่ปุ่นทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็น ซูชิ เทมปุระ หรือราเม็น เพราะจะทำให้รสชาติอาหารพวกนั้นเพิ่มความจัดจ้านมากขึ้น หรือหากคุณสนใจที่อยากจะทานคู่กับอาหารประเภทอื่นก็ได้เช่นกัน แต่ขอแนะนำว่าไม่ควรเป็นอาหารรสจัด ควรจะเป็นสลัดผัก ไม่ก็เนื้อย่างที่ไม่ผ่านการปรุงจะดีที่สุด