Tag Archives: ไวน์ชื่อดัง

สองความยิ่งใหญ่ที่ผสานรวมกันให้อยู่ภายในขวดเดียว “Opus One”

เชื่อว่าคนรักไวน์คนไม่มีทางที่จะพลาดหนึ่งในชื่อไวน์อันโด่งดังนั่นก็คือ “Opus one”ไวน์ที่ถือกำเนิดขึ้นในรัฐแคลิฟอร์เนีย ด้วยสองนักผลิตไวน์ที่เป็นตำนานของวงการด้วยความใส่ใจและตั้งใจที่จะรวมวัฒนธรรม เรื่องราว หรือไม่ว่าความแปลกใหม่มารวมไว้ในไวน์ขวดเดียว เพื่อให้คนรักไวน์จากทั่วโลกได้รับรู้ถึงรสชาติอันมหัศจรรย์นี้

“Opus One” ความหลากหลายที่ลงตัว จากฝรั่งเศสสู่อเมริกา หาที่ไหนก็ไม่มีอีกแล้ว

สิ่งที่มหัศจรรย์อย่างหาที่เปรียบไม่ได้ของ Opus One คือการที่มันถือกำเนิดขึ้นมาจากนักทำไวน์ระดับตำนานถึงสองคน นั่นก็คือ Baron Philippe de Rothschildชาวฝรั่งเศสผู้เป็นเจ้าของแบรนด์ไวน์ชื่อดัง และRobert Mondaviชาวอเมริกา ผู้เชี่ยวชาญในการหมักบ่มไวน์แห่ง Napa Valley โดยทั้งสองนำวิสัยทัศน์ในการทำไวน์ของตัวเองมาผสานรวมเข้าด้วยกัน ตั้งใจทำให้เกิดไวน์รสชาติใหม่ ที่มีความทันสมัย มีสไตล์แต่ในขณะเดียวกันก็ยังคงความดั้งเดิมไว้ด้วยยิ่งไปกว่านั้น พวกเขาซึ่งมาจากต่างที่ ต่างวัฒนธรรม และต่างภาษา ก็อยากที่จะนำเรื่องราวเหล่านั้นมาใส่ลงไวน์ขวดนี้อีกด้วยรวมไปถึงผสมผสานกรรมวิธีการหมักบ่มไวน์แบบต่าง ๆ มาประยุกต์ใช้กับ Opus oneให้มันออกมาเพอร์เฟค จนได้ชื่อว่า “Opus one ความภาคภูมิใจของชาวแคลิฟอร์เนีย”

นอกจาก Opus One จะถูกสรรสร้างขึ้นมาด้วยความปราณีตแล้ว มันยังถูกบ่มด้วยความพิถีพิถันด้วยเช่นกันโดยองุ่นที่ใช้สำหรับการทำไวน์ตัวนี้ ก็คือ กาแบร์แน โซวีญงในช่วงที่ยังเป็นผลอ่อน ซึ่งทำให้รสชาติไวน์เด่นชัดและสร้างเอกลักษณ์ไปอีกแบบ

รสชาติที่ลืมไม่ลง จนอยากจะหวนกลับไปลิ้มลองอีกสักครั้ง สิ่งที่ Opus one ทำได้และไม่อาจมีอะไรมาเทียบเทียม

ผู้เคยทานไวน์หลายท่านให้การไว้ว่า ทีแรกคิดว่าOpus one จะเป็นไวน์ที่ให้ภาพลักษณ์สนุก ดื่มแล้วก็คงเพลิน ๆ จากนั้นก็จบแล้วจากกันไป แต่มันผิดคาด เพราะไวน์ตัวนี้ไม่ได้ทำแค่นั้น แต่มันกลับให้รสชาติที่ลุ่มลึก ผสานความสนุกและความขรึมไว้ในตัวเอง ซึ่งคงเป็นผลมาจากวัฒนธรรมการทำไวน์จากสองชาติ ที่ร่วมกันใส่มันไว้ในไวน์ขวดนี้ ยิ่งไปกว่านั้นเจ้าไวน์ขวดนี้ยังสามารถเปลี่ยนรสชาติไปตามอุณหภูมิในร่างกายของคนอีกด้วย เรียกได้ว่าไม่ธรรมดาเลย ที่จะทำให้รสชาติของไวน์เปลี่ยนไปตามผู้ที่ได้ลิ้มลอง นั่นคงเป็นสาเหตุที่ทำให้ไม่มีอะไรมาเทียบ Opus one ได้เลย

บนโลกเรานี้เต็มไปด้วยความหลากหลายมากมายให้ได้เรียนรู้ และคงไม่มีใครคาดคิดว่าความหลากหลายทางวัฒนธรรมนี้ จะยังเป็นที่มาของความมหัศจรรย์หลายอย่าง ซึ่ง Opus one ก็เป็นหนึ่งในความมหัศจรรย์นั้น เพราะนอกจากที่มันจะเป็นตัวแทนของความร่วมมือระหว่างวัฒนธรรมและเรื่องราวที่แตกต่างแล้ว มันก็ยังเป็นตัวแทนของความอร่อยที่เป็นระดับตำนานทำให้นักชิมไวน์หลายคนต่างก็หลงใหลคลั่งไคล้จนกลายเป็นความยิ่งใหญ่ หลากหลาย ที่ผสานกันไว้ในขวดเดียวจนไม่อาจหาอะไรมาแทนที่ได้จริง ๆ

ชื่อเสียงและที่มาของพันธุ์องุ่นที่ใช้ผลิตไวน์

บนโลกเราจะมีองุ่นอยู่มากมายหลากสายพันธุ์ ว่ากันว่ามีองุ่นอยู่ถึงหมื่นกว่าสายพันธุ์ แต่มีองุ่นที่ใช้ผลิตไวน์อยู่เพียงหนึ่งในสี่เท่านั้น นั่นทำให้องุ่นที่ใช้ผลิตไวน์บางสายพันธุ์ถูกเลือกให้เป็นสายพันธุ์ที่คุณค่ามีราคา เป็นที่รู้จักในโลกของไวน์ แต่องุ่นบางสายพันธ์ที่ใช้ผลิตไวน์ก็ประสบความสำเร็จและมีความหมายในบางพื้นที่เท่านั้น ในตลาดไวน์ที่เปิดกว้างขึ้นผู้ผลิตไวน์ต่างก็พยายามที่จะนำเสนอไวน์และองุ่นที่ใช้ผลิตไวน์จากท้องถิ่นของตนให้เป็นที่รู้จักของโลกภายนอก 

ธรรมเนียมการใช้องุ่นผลิตไวน์จากโลกเก่า สู่โลกใหม่

                ในยุโรปหรือโลกของไวน์ในยุคเก่า เยอรมัน ออสเตรีย ทิโรลตอนใต้ (อิตาลี) และอาลซัส (ฝรั่งเศส) ธรรมเนียมโบราณที่จะบอกถึงคุณภาพของไวน์นั้นจะระบุชนิดของพันธุ์องุ่นไว้บนฉลากไวน์ ซึ่งเป็นการโฆษณาอย่างภาคภูมิของไวน์ยี่ห้อนั้น ๆ ส่วนในฝรั่งเศสหลายพื้นที่ ที่ผลิตไวน์แบบคลาสสิคจะไม่ระบุสายพันธุ์ขององุ่นไว้บนฉลาก แต่จะมีกฎบังคับเป็นลายลักษณ์อักษรว่าหากใช้ชื่อสายพันธุ์นั้นเพื่อบ่งบอกถึงคุณภาพ ก็ต้องปลูกองุ่นชนิดนั้นเพียงสายพันธุ์เดียว ไม่เช่นนั้นจะมีความผิด ในแคว้นบอร์โด, ฝรั่งเศสตอนใต้, สเปน, อิตาลี และโปรตุเกส จะใช้ธรรมเนียมแบบเก่า โดยให้ความสำคัญกับการผสมไวน์จากองุ่นต่างพันธุ์ ซึ่งในปัจจุบันหลายพื้นที่ก็ยังยึดตามธรรมเนียมนี้อยู่

ไวน์ในโลกยุคใหม่ หรือในรอบสิบปีที่ผ่านมามีการปลูกองุ่นและผลิตไวน์ในพื้นที่ใหม่ ๆ เช่น อเมริกา, อเมริกาใต้, ออสเตรียเลีย, นิวซีแลนด์ โดยปลูกองุ่นสายพันธุ์ที่เป็นที่รู้จักเป็นอย่างดี เช่น ชาดอร์เน (Chardonnay), โซวีญง (Sauvignon), กาแบร์เนโซวีญง (Cabernet Sauvignon), แมร์โล (Merlot), ชีรัซ(Shiraz), ปิโนนัวร์ ( Pinot Noir) เป็นต้น แต่ไวน์เหล่านี้ก็จะมีรสชาติแตกต่างออกไปจากเดิม ตามสภาพพื้นที่ที่ปลูก 

องุ่นสายพันธุ์ไหน ให้รสชาติไวน์อย่างไร

บนฉลากไวน์บางขวดจะบอกสายพันธุ์องุ่น ซึ่งจะมีรสชาติเฉพาะของตนเองยกตัวอย่าง เช่น

  • กาแบร์เน โซวีญง (Cabernet Sauvignon) ซึ่งรู้จักไปทั่วโลก เป็นองุ่นพันธุ์สีแดง แหล่งผลิตไวน์ชนิดนี้มาจากหลายท้องที่ เช่น ฝรั่งเศส แคลิฟอร์เนีย ออสเตรียเลีย ชิลี อาเจนติน่า ฯลฯ ซึ่งรสชาติของไวน์จะเข้มข้นและเต็มไปด้วยส่วนผสมที่หลากหลายอาทิ รสของผลไม้ ปาปริก้า วานิลลา ยาสูบ ช็อคโกแลต และกาแฟ
  • ชาร์ดอเน (Chardonnay) องุ่นขาว ไวน์ขาวที่รู้จักไปทั่วโลกเช่นกัน ที่เห็นบ่อยก็มาจาก แคลิฟอร์เนีย และออสเตรียเลีย เป็นไวน์ที่มีรสชาติละมุนและกลมกลืน มีทั้งรสของผลไม้ น้ำผึ้ง ดอกไม้ ผิวไม้ ขนมปัง เนย และคาราเมล
  • แมร์โล (Merlot) องุ่นแดง ไวน์แดงที่รู้จักไปทั่วโลกไม่แพ้ไวน์สองชนิดข้างต้น รสชาติที่นุ่มดั่งกำมะหยี่แกมผลไม้หลากหลาย อาทิ เชอร์รี่ บลูเบอร์รี่ ราสเบอร์รี่ สาระแหน่ และวานิลลา ว่ากันว่าไวน์แมร์โลดี ๆ นั้นมีอยู่ดาษดื่น แต่แมร์โลที่แพงที่สุดนั้นมีราคาถึงขวดละสองหมื่นกว่ายูโรขึ้นไป

นั่นเป็นเพียงตัวอย่างขององุ่นและรสชาติของไวน์ ยังมีองุ่นอีกหลายสายพันธุ์ที่เป็นที่รู้จักและมีรสชาติเฉพาะแตกต่างออกไป แต่ก็ยังมีองุ่นพันธุ์ที่ผู้คนแทบจะไม่รู้จักเช่น Airen ซึ่งนำมากลั่นทำบรั่นดี หรือ Glera ซึ่งเป็นองุ่นพันธุ์ที่นำมาผลิต Prosecco (sparkling wine) ของอิตาลี