Tag Archives: ไวน์หวาน

Tokaji เสน่ห์ของไวน์เก่าแก่สัญชาติฮังกาเรียน ประวัติศาสตร์แห่งทวีปยุโรป

ฮังการีคือชื่อของประเทศหนึ่งที่ตั้งอยู่บริเวณตอนกลางของทวีปยุโรป เป็นอีกประเทศที่มีชื่อเสียงเรื่องภูมิทัศน์ที่สวยงาม การคงไว้ซึ่งวิถีชีวิตของผู้คนที่อาศัยอยู่ร่วมกับธรรมชาติ รวมทั้งมีสถาปัตย์กรรมแนวโกธิคที่น่าตื่นตาตื่นใจ โดยสามารถพบเห็นได้จากอาคารสำคัญ ๆ ของประเทศ อาทิ อาคารรัฐสภาฮังการี แต่นอกจากจุดเด่นเหล่านี้แล้วประเทศฮังการียังมีชื่อเสียงในเรื่อง “ไวน์” อีกด้วย เชื่อว่าสำหรับผู้ที่รักการดื่มไวน์ คงต้องเคยได้ยินชื่อไวน์ขาวรสหวานแบรนด์ “Tokaji” ของที่นี่มาบ้างไม่มากก็น้อย

Noble rot องุ่นเน่าแบบผู้ดี ที่มาของความหวานแสนพิเศษในไวน์ Tokaji

“Tokaji” เป็นไวน์ขาวรสหวานที่เก่าแก่และมีชื่อเสียงมากที่สุดในโลก “István Szepsy” คือชื่อของทายาทรุ่นที่ 16 ของตระกูล “Szepsy” ซึ่งเป็นผู้ริเริ่มผลิตไวน์นี้มาตั้งแต่ประมาณปีค.ศ.1500 หรือยาวนานกว่า 500 ปี จนถึงตอนนี้ตระกูลก็ยังคงทำการผลิตไวน์อยู่ใน “Mád Village” อันเป็นหมู่บ้านโบราณที่มีความสำคัญอีกเช่นกัน เพราะเป็นหมู่บ้านแห่งแรก ๆ ของโลกที่ทำปลูกไร่องุ่นเพื่อผลิตไวน์โดยเฉพาะ จนถึงยุคสมัยของทายาทรุ่นล่าสุด ไร่องุ่นของตระกูลมีขนาดกว้างใหญ่มากถึง 65 เฮกตาร์ และกินพื้นที่กว่า 6 หมู่บ้านในบริเวณใกล้เคียง

István ได้ให้สัมภาษณ์ว่าตระกูลของเขาได้ทำการผลิตไวน์สามประเภทหลัก ๆ ได้แก่ 1.Furmint Dry 2.Szamorodni Sweet และ 3.Six Puttonyos Aszú โดยเขาคิดว่าปัจจัยหนึ่งที่อยู่เบื้องหลังรสชาติแสนล้ำเลิศของไวน์มาจาก “หินภูเขาไฟ” เพราะไร่องุ่นของเขาได้ทำการปลูกอยู่ด้านบนพื้นดินและหินกว่า 30 ชั้น ที่ประกอบไปด้วยแร่ธาตุจากภูเขาไฟโบราณ ทำให้ได้องุ่นขนาดใหญ่ที่มีรสชาติอร่อย สดใหม่ และสมบูรณ์พร้อมที่จะนำไปใช้ต่อ

นอกจากนี้ยังมีอีกหนึ่งเคล็ดลับสำคัญที่อยู่เบื้องหลังความหวานของไวน์ Tokaji นั่นคือการใช้ประโยชน์จากเชื้อราที่มีชื่อว่า “Botrytis” หรือที่รู้จักกันในอีกชื่อว่า “Noble rot” ซึ่งหมายความว่า “การเน่าแบบชนชั้นสูง” เพราะเมื่อองุ่นมีการติดเชื้อก็จะทำให้เมล็ดองุ่นนั้นแห้งและเหี่ยวเฉาลง ส่งผลให้องุ่นมีรสชาติที่หวานมากขึ้น หลังจากนั้นก็จะทำการเก็บเกี่ยว เอาองุ่นติดเชื้อเหล่านั้นไปคั้นน้ำ และหมักในถังไม้จนได้เป็นไวน์ขาวรสหวานแบรนด์ Tokaji นั่นเอง

ไวน์ที่มีค่าเหนือกาลเวลา Tokaji Wine รสชาติที่ผู้คนชนชั้นสูงชื่นชอบ

                ด้วยคุณภาพและรสชาติที่อร่อยระดับโลก ทำให้ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าไวน์ Tokaji นี้เป็นที่ชื่นชอบของผู้คนในทุก ๆ ยุคสมัย ซึ่งหมายรวมถึงบุคคลในอดีตที่มียศถาบรรดาศักดิ์หลายคน เช่น วอลแตร์, สมเด็จพระสันตะปาปาปิอุสที่ 4, ประธานาธิบดีเจฟเฟอร์สัน, เจ้าชายราโกตซี แฟแร็นตส์ที่ 2, พระเจ้าหลุยส์ที่ 14, แคทเธอรีนมหาราชินี และสมเด็จพระราชินีนาถวิกตอเรีย จะเห็นได้ว่าทั้งหมดนี้ต่างเป็นบุคคลสำคัญทางประวัติศาสตร์ชาติตะวันตกทั้งสิ้น สามารถกล่าวได้ว่า Tokaji นั้นเป็นไวน์เก่าแก่ที่ทรงคุณค่าเสมอไม่ว่ากาลเวลาจะผ่านไปนานเท่าไรก็ตาม

                หากเป็นผู้ที่ชื่นชอบการดื่มไวน์ Tokaji น่าจะเป็นไวน์อีกแบรนด์หนึ่งที่ชีวิตนี้ควรลิ้มลองให้ได้สักครั้ง เพราะสิ่งที่จะได้จากขวดแก้วอาจไม่ใช่แค่รสชาติของน้ำองุ่นหมักเพียงอย่างเดียว แต่ยังรวมไปถึงรสชาติของเรื่องราวในประวัติศาสตร์อันยาวนานที่แฝงอยู่ในนั้นอีกด้วย

โรงบ่มไวน์หวาน Portwine จากโปรตุเกส

ไวน์จากยุโรปหากเอ่ยชื่อพอร์ทไวน์ (Portwine) เชื่อว่าหลาย ๆ คนต้องรู้จัก พอร์ทไวน์เป็นไวน์ที่มีรสชาติหวานที่นิยมดื่มก่อน หรือหลังมื้ออาหาร หรือที่ถูกเรียกว่าไวน์ของหวาน แม้จะเป็นไวน์ที่มีรสชาติหวาน แต่พอร์ทไวน์ก็มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักไปทั่ว เสน่ห์ของพอร์ทไวน์ คงไม่ได้มีเพียงแค่ความหวานเป็นแน่

Porto เมือง แห่ง Portwine

โปร์ตู หรือพอร์โต (Porto) หรือ โอพอร์โต (Oporto) เมืองใหญ่เป็นอันดับสองรองจากลิสบอน อยู่ห่างจากลิสบอนขึ้นไปทางเหนือ พอร์โต มีลำน้ำ ดูโร (Douro) ไหลผ่าน ปากแม่น้ำคือประตูสู่มหาสมุทรแอตแลนติก ซึ่งคำว่า โปร์ตู หมายถึงเมืองท่านั่นเอง Porto นอกจากได้ขึ้นทะเบียนจากยูเนสโก ให้เป็นเมืองแห่งมรดกทางวัฒนธรรมแล้ว ที่นี่ยังเป็นที่มาของชื่อไวน์ที่มีรสชาติหวานคือ พอร์ทไวน์ ของโปรตุเกสนั่นเอง

Vila Nova de Gaia หรือ Gaia เมืองเล็ก ๆ ฝั่งตรงข้าม Porto ที่เพียงแต่เดินข้ามสะพานโดมหลุยส์ (Ponte Dom Luís I) ซึ่งเชื่อมระหว่าง Porto และGaia เมืองศูนย์กลางของพอร์ทไวน์ มีโรงบ่มไวน์ตั้งเรียงรายอยู่หลากหลายยี่ห้อ รวมทั้งมีบาร์ในบรรยากาศดี ๆ ให้นั่งจิบไวน์ชมบรรยากศของเมืองพอร์โต กับความโรแมนติกของลำน้ำดูโร และสะพานหลุยส์ที่มีฐานล่างละม้ายคล้ายหอไอเฟล

โรงแก็บและบ่มไวน์หวานแห่ง Gaia นั้นสามารถเข้าไปชม และชิมไวน์ต่าง ๆ ได้ตามโปรแกรมที่โรงบ่มแต่ละยี่ห้อนำเสนอ สามารถจองล่วงหน้าเพื่อให้ไกด์นำชม และเล่าเรื่องราวความเป็นมาของไวน์หวานให้ฟัง

พอร์ทไวน์

พอร์ตไวน์ ชื่อนี้ได้รับการขึ้นทะเบียนการค้า และไวน์จากที่นี่เท่านั้นที่จะถูกเรียกว่า พอร์ทไวน์ โดยบนฉลากจะระบุชื่อ Porto ไว้ชัดเจน พอร์ทไวน์แท้ ๆ จึงมาจาก Porto เท่านั้น

แหล่งปลูกองุ่นเพื่อผลิตพอร์ทไวน์นั้นอยู่ในหุบเขาริมแม่น้ำดูโร ซึ่งเป็นที่รู้จักมาช้านาน และเป็นพื้นที่ปลูกองุ่นที่ขึ้นทะเบียนสงวน สำหรับปลูกองุ่นทำพอร์ตไวน์ นับเป็นการขึ้นทะเบียนเป็นแหล่งที่สามของโลกรองจากแหล่งผลิต Tokaj-Hegyalja ในฮังการี และChianti ในอิตาลี

พันธุ์องุ่นที่สำคัญ ๆ  และเป็นที่รู้จัก ส่วนใหญ่ปลูกในโปรตุเกส พันธุ์ที่นำมาผลิตพอร์ทไวน์ เช่นTouriga Nacional, Tinta Barroca, Touriga Francesca, Tinta Roriz, Tinta Amarela และTinto Cão การผลิตพอร์ทไวน์ในขั้นตอนแรก ๆ จะผลิตจากที่อื่นและขนส่งไวน์มาทางแม่น้ำ มาเก็บและบ่มในโรงบ่มที่ Gaia  แต่ในปัจจุบันจะขนมาโดยรถบรรทุก  ส่วนเรือที่ใช้ขนส่งไวน์มาแต่ดั้งเดิมเราจะเห็นจอดประดับไว้ให้ชมริมแม่น้ำดูโรนั่นเอง

พอร์ทไวน์แบ่งเป็นสองลักษณะ การหมักบ่มองุ่นแดงแบบแรกคือการหมักองุ่นแดง 2-3ปี ในถังสแตนเลส ก่อนบรรจุลงขวด เรียกว่าRuby  ส่วนการหมักบ่มองุ่นแดงในถังไม้จะเรียกว่า Tawny

คุณภาพ รสชาติ และราคาของพอร์ตไวน์นั้นมีหลากหลาย ขึ้นอยู่กับวิธีการและอายุของการหมักบ่ม บางขวดก็หมักบ่มถึง 40 ปี ซึ่งพอร์ทไวน์ที่หมักบ่มระหว่าง 10-40 ปีจะได้ชื่อว่าเป็น วินเทจ (Vintage) พอร์ทไวน์

หากอยากลองรสชาติไวน์ที่หวานละมุนติดลิ้น ต้องลองพอร์ทไวน์สักครั้ง พอร์ทไวน์นิยมดื่มเย็นแต่ไม่เย็นจัด ดื่มแกล้มกับของหวานประเภทช็อกโกแลตก็ยิ่งเพิ่มความหวานกลมกล่อม หากได้ไปลิ้มลองถึงถิ่น จะยิ่งได้บรรยากาศ ทั้งการชมโรงบ่มไวน์ และการจิบไวน์ริมแม่น้ำดูโร ชมพระอาทิตย์ลับฟ้าในทะเลแอตแลนติก